วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ขนมไทยในวิถีไทย

ขนม ไทย หัตถกรรมความอร่อยที่แสดงออกถึงความอ่อนช้อยของความเป็นไทย ตั้งแต่ครั้งอดีตกาลที่ก่อกำเนิดภูมิปัญญาไทยหลากหลายอย่างให้สืบสานต่อทั้ง วิถีชีวิตประเพณี วัฒนธรรม ที่สามารถนำวัสดุมีอยู่ในท้องถิ่นมาปรุงแต่งเป็นของหวานได้มากหลายรูปแบบ จัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าคนไทยมีลักษณะนิสัยอย่างไร เพราะขนมแต่ละชนิดล้วน มีเสน่ห์ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน ประณีต วิจิตรบรรจงในรูปลักษณ์ ตั้งแต่วัตถุดิบที่ใช้ วิธีการทำที่กลมกลืน ความพิถีพิถัน สีที่ให้ความสวยงาม มีกลิ่นหอม รสชาติของขนมที่ละเมียดละไมชวนให้รับประทาน แสดงให้เห็นว่าคนไทยเป็นคนใจเย็น รักสงบ มีฝีมือเชิงศิลปะ  
วิถีชีวิตของคนไทยนั้นเป็นสังคมเกษตรที่มีผลิตผลทางธรรมชาติอยู่มากมาย เช่น กล้วย อ้อย มะม่วง รวมไปถึงข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ฯลฯ ที่สามารถปรุงเป็น ขนม ได้มากมายหลายชนิด เช่น อยากได้ กะทิ ก็เก็บมะพร้าวมาขูดคั้นน้ำกะทิ อยากได้ แป้งก็นำข้าวมาโม่เป็นแป้งทำขนมอร่อยๆ เช่น บัวลอย กินกันเองในครอบครัว



ขนมไทยถูกนำไปใช้ในงานบุญตามประเพณีและงานพิธีกรรม ที่เกี่ยวข้องในวิถีชีวิตชาวไทย โดยนิยมทำขนมชื่อมีมงคล ได้แก่ ขนมตระกูลทองทั้งหลาย เพราะคนไทยถือว่า "ทอง" เป็น ของดีมีมงคลทำแล้วได้มีบุญกุศล มีเงินมีทอง มีลาภยศ สรรเสริญ สมชื่อขนมนั่นเอง







อ้างอิงจาก: ขนมไทยและวิถีไทย, [ออนไลน์] http://thaidessert.herobo.com/index.php?option=com_content&view=category&layout=blog&id=35&Itemid=53 สืบค้นวันที่ 10 พฤษภาคม 2554

ขนมไทยในแต่ละภาค

  ขนมไทยภาคเหนือ
    ส่วนใหญ่จะทำจากข้าวเหนียว และส่วนใหญ่จะใช้วิธีการต้ม เช่น ขนมเทียน ขนมวง ข้าวต้มหัวหงอก มักทำกันในเทศกาลสำคัญ เช่นเข้าพรรษา สงกรานต์
ขนมที่นิยมทำในงานบุญเกือยทุกเทศกาลคือขนมใส่ไส้หรือขนมจ๊อก ขนมที่หาซื้อได้ทั่วไปคือ ขนมปาดซึ่งคล้ายขนมศิลาอ่อน ข้าวอีตูหรือข้าวเหนียวแดง   ข้าวแตนหรือข้าวแต๋น ขนมเกลือ ขนมที่มีรับประทานเฉพาะฤดูหนาว ได้แก่ ข้าวหนุกงา ซึ่งเป็นงาคั่วตำกับข้าวเหนียว ถ้าใส่น้ำอ้อยด้วยเรียกงาตำอ้อย   ข้าวแคบหรือข้าวเกรียบว่าว ลูกก่อ ถั่วแปะยี ถั่วแระ ลูกลานต้ม
ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขนมพื้นบ้านได้แก่ ขนมอาละหว่า ซึ่งคล้ายขนมหม้อแกง ขนมเปงม้ง ซึ่งคล้ายขนมอาละหว่าแต่มีการหมักแป้งให้ฟูก่อน ขนมส่วยทะมินทำจากข้าวเหนียวนึ่ง น้ำตาลอ้อยและกะทิ ในช่วงที่มีน้ำตาลอ้อยมากจะนิยมทำขนมอีก 2 ชนิดคือ งาโบ๋  ทำจากน้ำตาลอ้อยเคี่ยวให้เหนียวคล้ายตังเมแล้วคลุกงา กับ แปโหย่ ทำจากน้ำตาลอ้อยและถั่วแปยี มีลักษณะคล้ายถั่วตัด



ขนมไทยภาคกลาง
ส่วนใหญ่ทำมาจากข้าวเจ้า เช่น ข้าวตัง นางเล็ด ข้าวเหนียวมูล และมีขนมที่หลุดลอดมาจากรั้ววัง จนแพร่หลายสู่สามัญชนทั่วไป เช่น ลูกชุบ หม้อข้าวหม้อแกง ฝอยทอง ทองหยิบ เป็นต้น



ขนมไทยภาค อีสาน
เป็นขนมที่ทำกันง่ายๆ ไม่พิถีพิถันมากเหมือนขนมภาคอื่น ขนมพื้นบ้านอีสานได้แก่ ข้าวจี่ บายมะขามหรือมะขามบ่ายข้าว ข้าวโป่ง นอกจากนั้นมักเป็นขนมในงานบุญพิธี ที่เรียกว่า ข้าวประดับดิน โดยชาวบ้านนำข้าวที่ห่อใบตอง มัดด้วยตอกแบบข้าวต้มมัด กระยาสารท ข้าวทิพย์ ข้าวยาคู ขนมพื้นบ้านของจังหวัดเลยมักเป็นขนมง่ายๆ เช่น ข้าวเหนียวนึ่งจิ้มน้ำผึ้ง ข้าวบ่ายเกลือ คือข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนจิ้มเกลือให้พอมีรสเค็ม ถ้ามีมะขามจะเอามาใส่เป็นไส้เรียกมะขามบ่ายข้าว น้ำอ้อยกะทิ ทำด้วยน้ำอ้อยที่เคี่ยวจนเหนียว ใส่ถั่วลิสงคั่วและมะพร้าวซอย ข้าวพองทำมาจากข้าวตากคั่วใส่มะพร้าวหั่นเป็นชิ้นๆ และถั่วลิสงคั่ว กวนกับน้ำอ้อยจนเหนียวเทใส่ถาด ในงานบุญต่างๆจะนิยมทำขนมปาด (คล้ายขนมเปียกปูนของภาคกลาง) ลอดช่อง และขนมหมก (แป้งข้าวเหนียวโม่ ปั้นเป็นก้อนกลมใส่ไส้กระฉีก ห่อเป็นสามเหลี่ยมคล้ายขนมเทียน นำไปนึ่ง)
 

ขนม ไทยภาคใต้
ชาวใต้มีความเชื่อในเทศกาลวันสารท เดือนสิบ จะทำบุญด้วยขนมที่มีเฉพาะในท้องถิ่นภาคใต้เท่านั้น เช่น ขนมลา ขนมพอง ข้าวต้มห่อด้วยใบกะพ้อ ขนมบ้าหรือขนมลูกสะบ้า ขนมดีซำหรือเมซำ ขนมเจาะหูหรือเจาะรู ขนมไข่ปลา ขนมแดง เป็นต้น





อ้างอิงจาก:ขนมไทยในแต่ละภาค,[ออนไลน์] http://www.unchaleemtk.ob.tc/Data%202.html สืบค้นวันที่ 10 พฤษภาคม 2554

แหล่งท่องเที่ยว : เที่ยวไปชิมไปกับขนมไทย

ล่องคลองขนมหวานเกาะเกร็ด


“คลองขนมหวาน” สำหรับสถานที่แห่งนี้ มีประวัติความเป็นมาดังต่อไปนี้ เกาะเกร็ดได้เกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดลำน้ำเจ้าพระยาตรงที่เป็นแหลมยื่นออก ไปตามความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระแห่งกรุงศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. 2265 เรียกคลองนี้ว่า “คลองลัดเกร็ดน้อย” ซึ่งต่อมากระแสน้ำได้เปลี่ยนทิศทางทำให้คลองขยายกว้างขึ้นเพราะถูกความแรง ของกระแสน้ำ เซาะตลิ่งพังจึงกลายเป็นแม่น้ำลัดเกร็ด และเกาะเกร็ดในสภาพปัจจุบัน  ซึ่งเมื่อลำคลองลัดกว้างขึ้น สภาพความเป็นเกาะจึงเห็นเด่นชัดโดยมีชื่อเรียกในขั้นแรกว่า “เกาะศาลากุน” จนกระทั่งมาถึงสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาเมื่อตั้งอำเภอปากเกร็ดขึ้นแล้ว เกาะนี้จึงมีชื่อว่า เกาะเกร็ด จวบจนปัจจุบัน

การเดินทางท่องเที่ยวตามลำคลองโดยรอบเกาะเกร็ดนั้น ไปได้ไม่ยากเลยครับ ท่านสามารถจองทริปที่พาทัวร์ ซึ่งมีราคราที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับวันนี้ ผมจะพาทุกคนไปเที่ยวแบบประหยัดให้เหมาะกับยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองซะหน่อย  ราคาค่าหัวคนละ  60  บาทเท่านั้น ทางเรือจะพาท่านไปแวะตามสถานที่ที่อยู่ริมน้ำหลายที ตั้งแต่ คลองขนมหวาน,บ้านขนมไทย ,แหล่งเรียนรู้ผ้าบาติก,วังมัจฉา,วัดโบราณอีกมากมาย
และที่ถือเป็นจุดเด่นของ เกาะเกร็ดนั่นก็คือ คลองขนมหวาน  ซึ่งเป็นคลองที่มีบ้านริมน้ำหลายต่อหลายบ้าน หลายต่อหลายครอบครัวนิยมทำขนมไทย หรือขนมหวานนานาชนิดกัน ถือว่าเป็นแหล่งรวมความอร่อยของขนมไทยและอาหารไทยโบราณก็ว่าได้ ซึ่งทีแรกที่เราไปแวะในทริปนี้ก็คือ บ้านขนมไทยคุณแอ๋ว   สำหรับที่บ้านคุณแอ๋วนั้น คุณจะมาได้ก็ต่อเมื่อคุณมาล่องเรือเท่านั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาที่เกาะเกร็ดถ้าได้มีโอกาสล่องเรือ ก็จะต้องมาที่นี่แทบทุกคน บรรยากาศของบ้านคุณแอ๋ว คล้ายกับร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั่วไป แต่ลักษณะของบ้านจะเป็นแบบบ้านไม้โบราณ ยังคงความเป็นบ้านยกสูงแบบคนริมคลอง ขึ้นไปบริเวณชั้นบน ก็จะพบกับขนมไทย นานาชนิด อาทิ ขนมจ่ามงกุฎ,ขนมสันปันนี,ขนมเสน่จันทน์,ขนมทองเอก,ฝอยทอง,ทองหยิบ.ทองหยอด และอื่นๆอีกมากมาย ทั้งนี้ยังมีอาหารไทยที่หากินยาก อาทิ ข้าวแช่สูตรชาววังโบราณ,ข้าวแกง,ขนมจีนน้ำยา,แกงคั่วหอยขม,มัสมั่นหมูใส่ สับปะรด ฯลฯ


ที่ “บ้านคุณแอ๋ว” รู้สึกถึงความเป็นไทยอย่างแท้จริง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจด้วย
สำหรับที่บ้านคุณแอ๋ว คุณจะมีเวลาอยู่ที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง  และที่นี่เค้าก็มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย สำหรับคนที่สนใจดูการสาธิตทำขนมหวานไทย ก็เชิญได้ที่ด้านหลังของบ้าน นอกเหนือจากนี้ ก็ยังมีการสาธิตจัดขบวนขันหมากและการทำขนมมงคล 9 อย่างด้วย ถือว่าคุ้มสุดๆ
แต่คลองขนมหวานคงไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ทริปล่องเรือครั้งนี้ ยังจะพาคุณไปที่ “สมชายบ้านทำขนมหวานไทย”  ที่นี่จะแตกต่างจากบ้านคุณแอ๋วเพียงเล็กน้อย เท่านั้น แต่บรรยากาศอาจจะไม่หรูหราอะไรมากนักแบบชาวบ้านจริงๆ ทำขนมหวานกันให้เห็นๆ เลย ทำทีเยอะด้วย อย่าง ขนมฝอยทองของที่นี่ เค้าบอกว่า ทำส่งขายทั่วประเทศ วิธีการทำของเค้าคือใช้เครื่องยนต์ ให้ดูกันแบบของจริงไม่ต้องสร้างภาพ บรรยากาศของที่นี่ดูจะได้อารมณ์นิดนึง ผู้คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เพราะขายแต่ขนมส่วนในเรื่องของ ราคราจะถูกกว่า บ้านคุณแอ๋วมาก
และปิดท้ายทริปนี้ด้วยการไป ที่ แหล่งเรียนรู้ผ้าบาติก ซึ่งที่นี่เค้าก็มีผ้าบาติกลวดลายสวยงามขาย รวมไปทั้งดอกไม้ประดิษฐ์สีสวยงาม ราคาไม่แพงมากครับและ วังมัจฉา  ปล่อยให้นักท่องเที่ยว ซื้อขนมปังให้อาหารปลาก่อนจะขึ้นฝั่งกลับบ้าน



1.       ลงเรือที่ท่าเทศบาลปากเกร็ด
2.       ลงเรือที่ท่าวัดสนามเหนือ,วัดปรมัยยิกาวาส
3.       ลงเรือที่ท่าวัดกลางเกร็ด
4.       ลงเรือที่ท่าวัดแสงสิริธรรม
5.       ลงเรือที่ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี
6.       ลงเรือที่ท่าช้าง โดย เรือด่วน มิตรเจ้าพระยา
7.       ลงเรือที่ท่ามหาราช โดยเรือด่วน เจ้าพระยา
8.       ลงเรือที่ท่าเรือโรงแรมรอยัลริเวอร์ เชิงสะพานกรุงธน

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์จากใยขนมไทย


....ใยอาหาร หรือ Fide เป็นอาหารอีกหมู่หนึ่งที่ร่างากายมีความต้องการไม่น้อยไปกว่างอาหารหมู่อื่น ใยอาหารนี้แท้ที่จริงแล้วคือ คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ไม่ใช้แป้ง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ พืช ผัก และผลไม้ที่รับประทานได้ แต่ไม่ถูกย่อยโดยน้ำย่อยในระบบย่อยอาหาร เมื่อผ่านลำไส้ใหญ่บางส่วนจะถูกย่อยโดยจุลินทรีย์ ทำให้กลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ไฮโดรเจน น้ำ และกรดไขมันสายสั้นๆ ซึ่งจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ด้วยเหตุนี้... ใยอาหารจึงมีผลช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติช่วยดูดซับสารก่อมะเร็งที่อาจปะปนมากับอาหาร ซึ่งร่างกายสามารถขับถ่ายมาพร้อมกับอุจจาระ ช่วยลดการดูดซับไขมันและคอเรสเตอรอลในเส้นเลือดได้และเพื่อสุขภาพที่ดีเรา ควรบริโภคอาหารที่มีเส้นใยอาหารในปริมาณ 25-30 กรัมต่อวัน ซึ่งในขนมไทยต่างมีใยอาหารประกอบอยู่ด้วยทั้งสิ้น...

...กากใยอาหารในผักและผลไม้ที่นำมาใช้ทำขนม อย่างเช่น กล้วยบวชชี บวชผือก บวชฟักทอง ยังคงสภาพอยู่กากใยเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อการขับถ่ายของร่างกายทีเดียว ในขณะที่ขนมพันธุ์ใหม่ที่ในยุคนี้จะเป็นขนมที่ต้องผ่านกระบวนการย่อยสลาย หลายขั้นตอนมาก แป้งที่ใช้ทำขนมก็จะถูกฟอกขาว มีสารเคมีสังเคราะห์มากมายเข้าไปเป็นส่วนผสมทั้งในแป้งและน้ำตาลซึ่งจะย่อย สลายทันทีในปาก เกิดกรดทำให้ฟันผุได้ทันที และที่อาหารมีกากใยน้อยลง โรคที่ตามมาอีก คือ อาการท้องผูก ปัจจุบันกลายเป็นปัญหาของเด็กมากอย่างยิ่ง...
...เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ (Beta-Carotene) เป็นองค์ประกอบของสารสีส้มแดง สีเหลืองในพืช ผัก ผลไม้ เป็นแหล่งของวิตามินเอ เพราะร่างกายสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนไปเป็นวิตามินเอได้ ซึ่งวิตามินเอนี้เป็นวิตามินชนิดไม่ละลายน้ำ มีหน้าที่เกี่ยวกับการมองเห็น การเจริญเติบโต เป็นสารต้านอนุมูลอิสระของไขมันบนผนังเซลล์ ทำให้ระบบต่างๆของร่างกายทำงานได้ดี..แคลเซียม เป็นธาตุอาหารที่เป็นโครงสร้างของกระดูกและฟัน ช่วยการหดตัวของกล้ามเนื้อและการเต้นของหัวใจ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์......
   
อ้างอิงจาก : ประโยชน์ของขนมไทย, [ออนไลน์] http://fangwittayayon.net/profiles/blogs/5053090:BlogPost:2949 สืบค้นวันที่ 9 พฤษภาคม 2554

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ขนมงคล9อย่าง

"สวัสดีค่ะ"เพื่อนๆทุก คน วันนี้จะพาเพื่อนๆมาแนะนำให้รู้จักกับขนมมงคล 9 อย่างกันน่ะค่ะ  บางท่่านอาจไม่รู้จักกันนะ่ค่ะว่าขนมมงคล 9 อย่างนี้มีอะหไรกันบาง วันนี้ได้ทราบแล้วค่ะว่า มีอย่างใดบ้างมีกี่ชนิด มีความหมายเป็นมงคลอย่าไร ^^

 "ขนมไทย"เอกลักษณ์ของความเป็นไทย นอกจากจะมีความงดงามวิจิตร ละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนการทำแล้ว ยังมีรสชาติที่อร่อย หอมกลิ่นพืชพรรณจากธรรมชาติ และกลิ่นอบร่ำควันเทียน อีกทั้งขนมแต่ละชนิดยังมีชื่อเรียกที่บ่งบอกถึงคุณค่า และแฝงไปด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคล
คำว่า "มงคล" หมายถึง สิ่งที่นำมาซึ่งความดีงามและความเจริญรุ่งเรือง ส่วน "ขนมมงคล" หมายถึง ขนมไทยที่นำไปใช้ประกอบเครื่องคาวหวาน ถวายพระ เลี้ยงแขก ในงานพิธีมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส งานบวช หรืองานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น โดยจะต้องเลือกใช้เฉพาะขนมไทยที่มีชื่อไพเราะและเป็นสิริมงคล ดังเช่น "ขนมมงคล 9 อย่าง" ที่จะกล่าวต่อไป


       อ้างอิง:http://student.nu.ac.th/Bankhanom/SaraNarue/mongkol.htm
                              

"ขนมทองหยิบ"
ขนมทองหยิบเป็นขนมมงคล มีลักษณะงดงามคล้ายดอกไม้สีทอง ต้องใช้ความสามารถและความพิถีพิถันเป็นอย่างมากการประดิษฐ์ประดอยจับกลีบให้มีความงดงามเหมือนกลีบดอกไม้ ชื่อขนมทองหยิบเป็นชื่อสิริมงคล เชื่อว่าถ้าเรานำไปใช้ประกอบพิธีมงคลต่างๆ หรือให้เป็นของขวัญแก่ใครแล้ว จะทำให้เกิดความมั่งคั่งร่ำรวย หยิบจับการงานสิ่งใดก็จะร่ำรวยมีเงินมีทอง สมดังชื่อ   ใช้ประกอบในพิธีมงคลต่างๆ หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสสำคัญๆ แก่ผู้ใหญ่ที่เคารพรักหรือญาติสนิทมิตรสหาย แทนคำอวยพรให้ร่ำรวยมีเงินมีทองใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมด

ขนมชั้น
ขนมชั้นก็หมายถึงการได้เลื่อนชั้น เลื่อนยศฐาบรรดาศักดิ์ให้สูงส่งยิ่งๆขึ้นไป

"ฝอยทอง"

ฝอยทอง มีลักษณะเป็นเส้น นิยมใช้่กันในงานมงคลสมรส ถือ
 เคล็ดกันว่าห้ามตัดขนมให้สั้น ต้องปล่อยให้เส้นยาวๆ เพื่อให้คู่บ่าวสาวจะได้ครองชีวิตคู่และรักกันได้อย่างยืนยาวตลอดไ 




"ทองหยอด" 
เป็นขนมไทยที่ถือเป็นขนมมงคล และจะต้องหยอดขนมชั้นให้ได้ 9 ชั้น เพราะคนไทยมีความเชื่อว่าเลข 9 เป็นเลขสิริมงคล หมายถึงความเจริญก้าวหน้า

ขนมทองเอก
เป็นขนมในตระกูลทองอีกชนิดหนึ่ง มีลักษณะที่สง่างามโดดเด่นกว่าขนมตระกูลทองชนิดอื่นๆ ตรงที่มีทองคำเปลวติดไว้ที่ด้านบนของขนม คำว่า "เอก" หมายความถึง การเป็นที่หนึ่ง การใช้ขนมทองเอกประกอบพิธีมงคลสำคัญต่างๆ หรือใช้มอบเป็นของขวัญในงานฉลองการเลื่อนตำแหน่ง จึงเปรียบเสมือนคำอวยพรให้เป็นที่หนึ่งด้วย
  

เม็ดขนุน  
มี สีเหลืองทอง รูปร่างลักษณะคล้ายกับเม็ดขนุน ข้างในมีไส้ทำด้วยถั่วเขียวบด มีความเชื่อกันว่า ชื่อของขนมเม็ดขนุนจะเป็นสิริมงคล ช่วยให้มีคนสนับสนุน หนุนเนื่อง ในการดำเนินชีวิตและในหน้าที่การงานหรือกิจการต่างๆ ที่ได้กระทำอยู่

จ่ามงกุฏ

 เป็นขนมที่ทำยากมีขั้นตอนในการทำสลับซับซ้อน นิยมทำกันเพื่อใช้ประกอบพิธีการที่สำคัญจริงๆ คำว่า “จ่ามงกุฎ” หมายถึง การเป็นหัวหน้าสูงสุด แสดงถึงความมีเกียรติยศสูงส่ง นิยมใช้เป็นของขวัญในงานเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ถือเป็นการแสดงความยินดีและอวยพรให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การ งานยิ่งๆ ขึ้นไป  

ถ้วยฟู 
 ชื่อ ของขนมถ้วยฟูให้ความหมายอันเป็นสิริมงคล หมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟู นิยมใช้ประกอบในพิธีมงคลต่างๆ ทุกงาน





"เสน่ห์จันทน์" 
เสน่ห์จันทน์ ผลสุกสีเหลืองเปล่งปลั่ง ทั้งสวยงามและมีกลิ่นหอมชวนให้หลงใหล คนโบราณนำความมีเสน่ห์ของผลจันทน์มาประยุกต์ทำเป็นขนม และได้นำ "ผลจันทน์ป่น" มาเป็นส่วนผสม ทำให้มีกลิ่นหอมเหมือนผลจันทน์ ให้ชื่อว่า "ขนมเสน่ห์จันทน์" โดยเชื่อว่า คำว่าเสน่ห์จันทน์เป็นคำที่มีสิริมงคล จะทำให้มีเสน่ห์คนรักคนหลงดังเสน่ห์ของผลจันทน์ ขนมเสน่ห์จันทน์จึงถูกนำมาใช้ประกอบในงานพิธีมงคลสมรส


นี่ก็เป็นทั้งหมดของขนมไทยมงคล 9ชนิด ที่ร่ายยาวมาให้รู้สรรพคุณ คุณค่า ความหมายความเป็นสิริมงคลการมาจนครบแล้ว ไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะเห็นพ้องต้องตามกันรึป่าว หรือบางคนอาจจะได้ใช้ขนมไทยตามวาระ และโอกาสต่างได้ถูกต้อง และไม่แน่ถ้าบางคนได้อ่านและเห็นรูปขนมไทยที่มีหน้าตาสวยๆ น่ารับประทานแบบนี้ อาจจะห้ามใจไม่ไหวเกิดอยากจะลิ้มลองรสกันดูบ้างก็เป็นได้ นะคะ



อ้างอิงจาก : ขนมมงคล9อย่าง,[ออนไลน์] http://www.oknation.net/blog/print.php?id=492101 สืบค้นวันที่ 10 พฤษภาคม 2554  
 อ้างอิงจาก: ขนมมงคล9อย่าง,[ออนไลน์] http://student.nu.ac.th/Bankhanom/SaraNarue/mongkol.htm สืบค้นวันที่ 10 พฤษภาคม 2554